การสัก เป็นศิลปะที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ ประโยชน์ของการสักนั้น มีด้วยกันหลากหลายมากกว่าความสวยงาม และมีหลักฐานว่ารอยสักถูกใช้ในการรักษาเมื่อหลายพันปีก่อนมาแล้ว สาเหตุที่นักวิทยาศาสตร์คิดแบบนั้น เพราะว่าตำแหน่งที่สัก ตรงกับตำแหน่งการรักษาด้วยการฝังเข็มของแพทย์ตะวันออก อย่างฟอสซิลของมนุษย์ อายุ 5,000 ปี ที่ถูกตั้งชื่อว่า Ötzi ก็ใช้การสักในการรักษาโรคข้อเสื่อมของเขา และวิจัยเผย การสักช่วยบรรเทาภาวะซึมเศร้าได้
งานวิจัยจาก American Journal of Human Biology เมื่อปี 2016 โดย Christopher Lynn จากมหาวิทยาลัยอลาบามา ได้วิจัยเกี่ยวกับเรื่องของการพัฒนาภูมิคุ้มกันของมนุษย์เมื่อได้รับการสัก
ในการวิจัยนี้ ได้มีการเก็บตัวอย่างน้ำลายก่อนและหลังสักของอาสาสมัครทั้งหมด 19 คน เพื่อศึกษาระดับอิมมูโนโกลบูลิน A และคอร์ติซอล อิมมูโนโกลบูลิน A เป็นแอนติบอดีที่ช่วยต่อสู้กับการติดเชื้อบางชนิด และคอร์ติซอลเป็นฮอร์โมนที่หลั่งออกมาในช่วงที่มีความเครียด กลุ่มทดลอง ก็มีทั้งคนที่เคยสักเป็นครั้งแรก และเป็นผู้ที่เคยสักมาก่อน
ผลปรากฎว่ากลุ่มที่เพิ่งได้ลองสักครั้งแรก มีระดับอิมมูโนโกลบูลิน A ที่ต่ำกว่ามากในตอนที่สักเสร็จแล้ว ซึ่งหมายความว่าร่างกายอาจจะยังไม่ทันปรับตัว หรือมีความลำบากในการจัดการกับความเครียดที่เกิดจากรอยสัก แต่เมื่อมีครั้งแรก ก็ย่อมมีครั้งต่อ ๆ ไป เพราะผู้ที่มีรอยสักหลายลายสามารถรับมือกับความเครียดทางร่างกายได้ดีกว่าคนที่สักเพียงรอยสักเดียว และถ้าสักอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีขึ้นมาทำให้รับมือได้ดีขึ้น และการสัก ทำให้ร่างกายผลิตคอร์ติซอล ฮอร์โมนที่ช่วยลดความเครียด และเป็นยากดภูมิคุ้มกันของร่างกายขึ้นมา ทำให้ช่วยขจัดความเครียด และช่วยลดสภาวะซึมเศร้าได้